Newsletter subscribe

Artificial Intelligence, Innovation

จริงหรือไม่ที่ Google กำลังสร้าง AI ให้กลายเป็น Skynet#2 Self-driving Cars

Posted: 08/09/2020 at 14:52   /   by   /   comments (0)

ยานพาหนะไร้คนขับ (Self-driving vehicles, Driverless vehicles, Autonomous vehicles) นับเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่มาแรงที่สุดในขณะนี้ มันกำลังจะกลายมาเป็นจุดเปลี่ยนใหม่ของการขนส่งในอนาคต บริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านเทคโลยี เช่น Google, Tesla, Apple, Uber, Baidu (จีน) และอื่นๆ รวมทั้งบริษัทในอุตสาหกรรมยานยนต์กำลังมุ่งพัฒนาเพื่อให้สามารถใช้งานได้จริง การพัฒนายานพาหนะไร้คนขับเป็นไปมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดด เช่น คอมพิวเตอร์ หรือ โทรศัพท์มือถือ ปัจจุบันนี้ยานพาหนะไร้คนขับ ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ รถบรรทุก หรือรถมินิบัส รถบัส ยังอยู่ในช่วงของการพัฒนาและทดลองขับบนท้องถนน

 

 

TimMcGraw – Highway Don’t Care

 

รถยนต์ไร้คนขับ (Self-driving car, Driverless car, Autonomous car)

เป้าหมายในการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับเพื่อลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งรัฐบาลสหรัฐเก็บข้อมูลของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน พบว่ามากกว่า 90% ของอุบัติเหตุเกิดจากความผิดพลาดของคน และจากข้อมูลปี 2014 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน 1.25 ล้านคนทั่วโลก นอกจากนี้รถยนต์ไร้คนขับจะมีประโยชน์มากสำหรับกลุ่มคนที่ไม่สามารถขับรถด้วยตัวเอง ได้แก่ เด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ

รถยนต์ไร้คนขับทำงานด้วยการใช้ระบบนำทาง GPS และเซ็นเซอร์ต่างๆ รวมกับ AI (ปัญญาประดิษฐ์ Artificial Intelligence) กล่าวคืออุปกรณ์ดังกล่าวจะสามารถ “มองเห็น” รอบด้าน รู้ถึงสถานการณ์รอบตัว คาดเดาและตัดสินใจได้ว่าควรจะบังคับรถอย่างไรเพื่อให้ขับเคลื่อนอย่างปลอดภัยตลอดเวลา ทำให้สามารถลดความผิดพลาดที่เกิดจากคนขับ

บริษัท Waymo (ชื่อเดิมคือ Google’s Self-Driving Car Project ซึ่ง project นี้มีมาตั้งแต่ปี 2009) ได้ถูกตั้งขึ้นเมื่อปี 2016 บริหารงานภายใต้บริษัทแม่ Alphabet (Google) เพื่อพัฒนารถยนต์ไร้คนขับเพียงอย่างเดียว

Waymo เปิดตัวรถยนต์ไร้คนขับเมื่อปี 2016 หลังจากใช้เวลาในการพัฒนามาตั้งแต่ปี 2009 ซึ่งเป็นรถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า มีระบบเซ็นเซอร์แบบ 360 องศาที่อยู่บนหลังคารถซึ่งทำงานร่วมกับระบบอัจฉริยะ AI ทำให้ตัวรถสามารถขับเคลื่อนด้วยตัวเอง และยังหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้อย่างปลอดภัยด้วย และยังมีกล้องด้านหน้าและด้านข้างรถ เพื่อในการมองเห็นเครื่องหมายและสัญญาณการจราจร และป้องกันจุดบอดต่างๆที่เกิดขึ้นรอบตัวรถ

 

 
รถยนต์ต้นแบบของ Waymo มีรูปร่างหน้าตาน่ารักน่าขับ ขนาดกระทัดรัด ซึ่งต่อมารถยนต์ต้นแบบของ Waymo นี้ได้ถูกแทนที่ด้วย Chrysler มินิแวน (CNN.com)

 

aripfan.com

ในปี 2016 Waymo เริ่มทดสอบการวิ่งของรถยนต์ไร้คนขับบนถนนสาธารณะครั้งแรก ณ เมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา ในการทดสอบรถยนต์ไร้คนขับบนถนนสาธารณะช่วงแรกๆ ภายในรถจะมีพนักงานนั่งอยู่ที่เบาะคนขับเพื่อเข้าควบคุมรถฉุกเฉินหากมีปัญหาเกิดขึ้น

ในปี 2017 Waymo ได้ประกาศความสำเร็จในการวิ่งทดสอบรถยนต์ไร้คนขับครบ 2 ล้านไมล์ ซึ่งวิ่งทดสอบมาตั้งแต่ปี 2009 สิ่งที่น่าสนใจคือผลของการทดสอบแสดงให้เห็นว่า ในกว่า 2 ล้านไมล์ที่วิ่งนั้น รถยนต์ไร้คนขับเกิดความผิดพลาดน้อยมาก

ในปี 2017 Waymo เริ่มทดลองการให้บริการรถยนต์ไร้คนขับแบบสาธารณะเป็นครั้งแรกในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา ซึ่งคราวนี้ถือเป็นการวิ่งบนถนนสาธารณะเป็นครั้งแรกของรถยนต์ไร้คนขับของ Waymo โดยไม่มีพนักงานนั่งคุมอยู่หลังพวงมาลัย (Fully autonomous cars) คุณสมบัติสำคัญของการทดสอบบริการรถยนต์ไร้คนขับแบบสาธารณะ สามารถเรียกใช้บริการได้ตลอดเวลาผ่านแอพพลิเคชั่น

หลังจาก Waymo ทดลองบริการรถยนต์ไร้คนขับในรัฐแอริโซนามานาน ก็ได้เวลาที่จะเปิดบริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบแล้ว ในเดือนพฤศจิกายน 2018 นาย John Krafcik ซึ่งเป็น CEO ของ Waymo ได้ประกาศแผนที่จะเปิดการให้บริการรถแท็กซี่ไร้คนขับเป็นครั้งแรกในเดือนธันวาคม 2018 โดยเป็นการเรียกผ่านแอพแบบเดียวกับแอพเรียกรถอื่นๆ และแน่นอนจะเปิดให้บริการที่เมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา

 

the verge.com

นี้เป็น Chrysler มินิแวน ที่ Waymo นำมาพัฒนาเป็นรถยนต์ไร้คนขับ เตรียมรอการเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ ซึ่งตอนนี้ Waymo เตรียมไว้แล้ว 500 คัน นอกจากรัฐแอริโซนาที่อนุญาตให้รถยนต์ไร้คนขับของ Waymo วิ่ง เมื่อเร็วๆนี้เดือนตุลาคม 2018 Waymo เป็นบริษัทแรกที่ได้รับการอนุญาตจากรัฐแคลิฟอเนีย ให้วิ่งทดสอบรถยนต์ไร้คนขับแบบไม่มีมนุษย์นั่งอยู่หลังพวงมาลัย (Fully driverless cars or Fully autonomous cars) บนถนนสาธารณะเป็นครั้งแรก รถยนต์ไร้คนขับของ Waymo จะทดสอบเฉพาะพื้นที่ที่ถูกจำกัดในบริเวณ Silicon Valley เท่านั้น ซึ่งเป็นบริเวณที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของ Alphabet, Google และ Waymo

 

มีการตั้งคำถามว่า เร็วไปหรือไม่ที่เปิดให้มีการให้บริการรถยนต์ไร้คนขับในเชิงพาณิชย์ มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นหลักๆ 3 เหตุการณ์ที่นำมาสู่การตั้งคำถามว่าโลกพร้อมรับมือกับเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับหรือไม่

 

reuters.com

เดือนมีนาคม 2016 รถยนต์ไร้คนขับของ Tesla ที่ใช้ระบบ Autopilot ได้ประสบอุบัติเหตุชนท้ายรถบรรทุก 18 ล้อ ที่เลี้ยวตัดหน้าบนทางด่วน โดยคนขับรถ Tesla ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุดังกล่าว อย่างไรก็ดี Tesla ได้ชี้แจงว่ารถยนต์ไร้คนขับของ Tesla เป็นเพียงรถยนต์ไร้คนขับแบบกึ่งอัตโนมัติ (Semi-autonomous car) ซึ่งคนขับยังไม่สามารถปล่อยวางจากการควบคุมรถยนต์ได้ สำหรับอุบัติเหตุในครั้งนี้ ได้มีการตั้งข้อสันนิษฐานว่าคนขับรถ Tesla ได้ให้ความเชื่อมั่นกับระบบไร้คนขับมากเกินไป เนื่องจากคนขับรถ Tesla กำลังดูหนังในขณะอยู่ในรถ ปล่อยให้รถทำงานเอง หลังอุบัติเหตุครั้งนั้น ต่อมา Tesla ได้เปิดตัวรถยนต์ไร้คนขับแบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ (Fully autonomous cars)ในเดือนตุลาคม 2016 ซึ่งไม่ต้องมีคนคอยควบคุมการทำงานของรถอยู่ภายในรถ

เมื่อเดือนมีนาคม 2018 รถยนต์ไร้คนขับของ UBER ชนคนเสียชีวิตในรัฐแอริโซนา สหรัฐ ระหว่างทดสอบระบบ ในเหตุการณ์มีเจ้าหน้าของ UBER หนึ่งคนนั่งควบคุมระบบอยู่หลังพวงมาลัยด้วย รถยนต์ไร้คนขับของ UBER คันนี้วิ่งมาด้วยความเร็วประมาณ 64 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และไม่ได้ชะลอความเร็วจนกระทั่งพุ่งชนหญิงเคราะห์ร้ายรายขณะเดินข้ามถนนเข้าอย่างจัง จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่าหญิงเคราะห์ร้ายรายนี้เดินออกมาจากเงามืดในมุมถนน ตำรวจจึงมองว่าเป็นเรื่องยากที่จะหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุในครั้งนี้ แม้ว่ารถยนต์จะวิ่งในโหมดปกติก็ตาม รวมถึงบอกอีกด้วยว่าอุบัติเหตุครั้งนี้อาจจะไม่ใช่ความผิดของ UBER ฝ่ายเดียว หลังจากเกิดเหตุการณ์ สหรัฐสั่งระงับการทดสอบระบบรถยนต์ไร้คนขับทั่วประเทศ

 

mercurynews.com

นอกจากรถยนต์ไร้คนขับแล้ว ยังมีเหตุการณ์ของการเกิดอุบัติเหตุกับรถ Shuttle bus ไร้คนขับเพราะเมื่อปลายปี 2017 ที่เมืองลาสเวกัส เมื่อรถ shuttle bus ไร้คนขับเกิดอุบัติเหตุชนขูดเข้ากับตัวถังรถบรรทุก ตั้งแต่วันแรกที่เปิดทดสอบให้บริการ ถึงแม้นว่าจะเป็นอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อยและไม่มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ และอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมาจากความผิดและความประมาทของคนขับรถบรรทุก Shuttle bus ไร้คนขับหยุดอยู่กับที่ ขณะที่รถบรรทุกพุ่งเข้าชน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ทำให้หลายฝ่ายพากันตั้งคำถามถึงความปลอดภัยของเทคโนโลยีแบบนี้ ดูเหมือนว่าจะต้องใช้เวลาในการพัฒนายานพาหนะไร้คนขับกันอีกสักระยะ ยานพาหนะไร้คนขับยังแปลกใหม่เกินไปกับความรู้สึกของคนในปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องให้ข้อมูลอย่างเพียงพอและและต้องมีการพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้กับประชาชน

 

outerplaces.com

ทุกวันนี้มันไม่ง่ายที่จะขับรถในเมืองโดยไม่ใช้แผนที่หรือ GPS มาช่วยนำทาง ทีมนักวิจัยจาก DeepMind ของ Google ซึ่งเป็นผู้สร้างโปรแกรม AI ที่มีประสิทธิภาพ ได้สอน AI ให้รู้จักหาเส้นทางไปยังจุดหมายปลายทางได้โดยไม่ต้องใช้แผนที่ในการนำทาง แต่อาศัยการดูจากภาพถ่ายใน Google Street View จากนั้น AI จะนำมาประมวลผลหาว่าสถานที่นั้นตั้งอยู่ที่ไหน จนกระทั่งเข้าใจวิธีการเดินทางที่จะไปยังสถานที่นั้น
เมื่อเทคโนโลยีนี้พร้อมใช้งานในเชิงพาณิชย์ เทคโนโลยีนี้จะเป็นประโยชน์มากในการนำไปใช้กับรถยนต์ไร้คนขับโดยไม่ต้องมีข้อมูล GPS จะช่วยขจัดความกังวลในกรณีที่ระบบ GPS ถูกปิด AI ในรถยนต์จะทำให้เดินทางไปสถานที่ต่างๆได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องพึ่ง GPS

 

 

Alan Walker – Alone

 

 

รถบรรทุกไร้คนขับ (Self-driving truck, Driverless truck, Autonomous truck)

รถบรรทุกไร้คนขับกำลังจะกลายมาเป็นจุดเปลี่ยนใหม่ของการขนส่งในอนาคต บริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านเทคโลยีและบริษัทในอุตสาหกรรมยานยนต์กำลังมุ่งพัฒนาเพื่อให้สามารถใช้งานได้จริง โดยหวังว่าจะช่วยแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้ โดยเฉพาะปัญหาการขาดแคลนพนักงานขับรถในเส้นทางไกลๆ

และแน่นอนรถบรรทุกไร้คนขับจะช่วยลดปัญหาการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน การทำงานหนักของคนขับที่ต้องขับรถในระยะทางที่ไกล ไม่เพียงส่งผลต่อจิตใจ แต่ยังส่งผลต่อร่างกายและเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน

 

 

รถบรรทุกไร้คนขับไม่จำเป็นต้องพักรถ พักเหนื่อย ไม่หลับใน บริษัทขนส่งเองสามารถเพิ่มจำนวนเที่ยวของการขนส่ง สามารถเดินทางได้ไกลขึ้น ในเวลาการขนส่งน้อยลง เนื่องจากไม่ต้องหยุดพัก ที่สำคัญสามารถลดต้นทุนค่าขนส่งให้กับผู้ให้บริการด้าน Logistics เนื่องจากเทคโนโลยีจะช่วยให้การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมีประสิทธิภาพมากกว่าที่มนุษย์ขับ รถบรรทุกไร้คนขับมีระบบช่วยลดพลังเชื้อเพลิงได้ถึง 30% และมีผลเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม โดยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์

 

Waymo ได้เริ่มทดสอบรถบรรทุกไร้คนขับใน Atlanta สหรัฐอเมริกา เมื่อต้นปี 2018 โดยทำการทดสอบการจัดส่งสินค้าให้กับศูนย์ข้อมูลของ Google อย่างไรก็ตามรถบรรทุกไร้คนขับของ Waymo ไม่ได้เป็นรถบรรทุกแบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ (Fully autonomous truck) จะยังมีมนุษย์นั่งอยู่ภายในรถด้วย ทำหน้าที่จับตาดูการทำงานของระบบควบคุมรถอัตโนมัติ และสามารถเข้าแทรกแซงระบบหากเกิดเหตุฉุกเฉิน Waymo ได้นำ AI มาช่วยในการวิเคราะห์เส้นทาง และแยกแยะวัตถุต่างๆบนถนนให้ดียิ่งขึ้น

 

 

Florida Georgia Line – This Is How We Roll ft. Luke Bryan