Innovation, Submarine
เกมส์เปลี่ยนของเรือดำน้ำ#2 กองทัพจีนกำลังพัฒนาเรือดำน้ำหุ่นยนต์เทคโนโลยี AI เพื่อเปิดศักราชใหม่แห่งอำนาจทางทะเล
ในศตวรรษที่ 21 เป็นเวลาเกือบยี่สิบปีที่ทั้งสองประเทศมหาอำนาจ สหรัฐอเมริกาและจีน กำลังใช้ความพยายามอย่างมากในการเพิ่มแพลตฟอร์มอิสระและกึ่งอิสระให้กับกองกำลังทางเรือของตน ปัจจุบันกองทัพเรือสหรัฐฯ มีเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ 68 ลำ เรือบรรทุกเครื่องบิน 11 ลำและเรืออื่นๆ อีกกว่า 450 ลำ เช่น เรือพิฆาต เรือลาดตระเวน และเรือสนับสนุน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจีนได้แซงหน้าสหรัฐฯ ไปแล้วด้วยจำนวนเรือมากกว่า 500 ลำ เรือดำน้ำ 75 ลำ และเรือบรรทุกเครื่องบิน 3 ลำ ซึ่งประมาณครึ่งหนึ่งถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2010 แต่ถึงกระนั้นกองทัพจีนก็ยังไม่สามารถแซงหน้าเทคโนโลยีทางทหารของสหรัฐฯ และกองทัพเรือของชาติมหาอำนาจอื่นๆ ในโลกได้
Unmanned Underwater Vehicles (UUV)
scmp.com
ตอนนี้ยุคใหม่ของอำนาจทางทะเลกำลังเกิดขึ้น นั่นคือ การแข่งขันกันพัฒนา “ยานยนต์ใต้น้ำไร้คนขับ หรือ UUV (Unmanned Underwater Vehicles)” ประเทศมหาอำนาจกำลังใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence; AI) เพื่อเปลี่ยนกองทัพให้แข็งแกร่งที่สุดในโลก รัฐบาลจีนใช้จ่ายงบประมาณในการวิจัย AI มากกว่าสหรัฐฯ ขณะนี้รัฐบาลจีนมีการใช้จ่ายจำนวนมากในการเพิ่มกำลังทางเรือของประเทศด้วยเทคโนโลยี AI ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอำนาจทางทะเลของกองทัพนับตั้งแต่มีการนำเรือที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์มาใช้ หลังจากที่จีนได้สร้างเรือโจมตีทางทหารไร้คนขับที่ขับเคลื่อนโดย AI แล้วจำนวนหนึ่ง กองทัพจีนกำลังพัฒนายานยนต์ใต้น้ำไร้คนขับ หรือ UUV ขนาดใหญ่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อเปิดศักราชใหม่แห่งอำนาจทางทะเล
หน่วยย่อยยานยนต์ใต้น้ำไร้คนขับ AI มีความฉลาดและมีต้นทุนต่ำมาก สามารถท่องไปในมหาสมุทรของโลกเพื่อปฏิบัติภารกิจได้หลากหลาย ตั้งแต่การลาดตระเวน การวางทุ่นระเบิด การโจมตีฆ่าตัวตายต่อเรือของศัตรู
หน่วยย่อย AI ไร้คนขับเหล่านี้คาดว่าจะถูกนำมาใช้ในปี 2021 โดยมีเป้าหมายต่อกองกำลังของสหรัฐอเมริกาในน่านน้ำยุทธศาสตร์ เช่น ทะเลจีนใต้และมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันครั้งสำคัญในการแซงหน้าการครอบงำของสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิกและอื่น ๆ ตามที่รายงานกล่าวอ้าง
Taylor Swift – …Ready For It?
กองทัพจีนกำลังพัฒนายานยนต์ใต้น้ำไร้คนขับ (Unmanned Underwater Vehicles; UUV) เพื่อให้ทันกับเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าของตะวันตก เรือดำน้ำที่ไม่มีลูกเรือจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่และมีต้นทุนต่ำ และติดตั้งเทคโนโลยี AI เพื่อให้สามารถเดินเรือได้อย่างอิสระ
ในการให้สัมภาษณ์กับ South China Morning Post หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษของฮ่องกงในเดือนกรกฎาคม 2018 Lin Yang ผู้อำนวยการด้านอุปกรณ์เทคโนโลยีทางทะเลของ Shenyang Institute of Automation ในเมืองเสิ่นหยาง มณฑลเหลียวหนิง ประเทศจีน ซึ่งเป็นสถาบันที่ผู้ผลิตหุ่นยนต์ใต้น้ำรายใหญ่ให้กับกองทัพจีน กล่าวว่ากองทัพจีนกำลังดำเนินโครงการลับ 912 เพื่อพัฒนาหุ่นยนต์ใต้น้ำรุ่นใหม่ในวาระครบรอบ 100 ปีของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปี 2021 เป้าหมายของโครงการ 912 คือ การพัฒนาเรือดำน้ำหุ่นยนต์ (robotic submarine) ที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence; AI) เพื่อรับมือกับภารกิจเฝ้าระวัง การวางทุ่นระเบิด และการโจมตี Lin เรียกโครงการเรือดำน้ำหุ่นยนต์ของจีนว่า เป็นมาตรการรับมือกับอาวุธที่คล้ายกันของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาซึ่งขณะนี้กำลังมีการพัฒนาอย่างเข้มข้น เธอปฏิเสธที่จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับข้อกำหนดทางเทคนิคเนื่องจากข้อมูลนั้น “อ่อนไหว”
นักวิจัยไม่เปิดเผยตัวตนที่เกี่ยวข้องกับโครงการลับในจีนให้ข้อมูลกับ South China Morning Post ว่า เรือดำน้ำหุ่นยนต์ของจีนจะไม่ติดอาวุธนิวเคลียร์ พวกมันถูกออกแบบให้สามารถทำภารกิจโดยไม่ต้องมีมนุษย์เข้ามาแทรกแซง พวกมันจะออกไปจัดการงานที่ได้รับมอบหมายและกลับไปที่ฐานของตนเอง พวกมันอาจติดต่อกับหน่วยบัญชาการภาคพื้นดินเป็นระยะสำหรับการอัปเดตข้อมูล รายงานระบุว่าเรือดำน้ำหุ่นยนต์ไม่ได้มีไว้เพื่อทดแทนเรือดำน้ำที่มีมนุษย์อย่างสมบูรณ์ ในตอนนี้พวกมันจะไม่ตัดสินใจโจมตีโดยอัตโนมัติทั้งหมด แต่จะต้องมีเจ้าหน้าที่ทหารอนุมัติสั่งมันให้โจมตีเรือลำใด
ตามที่นักวิจัยกล่าว เรือดำน้ำหุ่นยนต์ของจีนจะมีความยาว 30 เมตร สามารถการปฏิบัติการที่ความลึกเกินกว่า 6 กม. พวกมันเข้าเทียบท่าเหมือนเรือดำน้ำทั่วไป ช่องเก็บสินค้าของพวกมันสามารถปรับเปลี่ยนได้ และมีขนาดใหญ่พอที่จะรองรับการขนส่งสินค้าได้หลากหลาย ตั้งแต่อุปกรณ์ตรวจการณ์ที่มีประสิทธิภาพไปจนถึงขีปนาวุธหรือตอร์ปิโด เรือดำน้ำ AI จะติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลไฟฟ้าเพื่อให้สามารถอยู่ในทะเลได้เป็นเวลาหลายเดือนโดยไม่ต้องกลับเข้าเทียบท่า
เรือดำน้ำหุ่นยนต์หรือเรือดำน้ำไร้คนขับของจีนพึ่งพาเทคโนโลยี AI อย่างมากในการจัดการกับสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนของทะเล พวกมันต้องตัดสินใจด้วยตัวเองตลอดเวลา เช่น เปลี่ยนเส้นทางและความลึกเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ การแยกแยะเรือพลเรือนออกจากเรือทหาร การเลือกแนวทางที่ดีที่สุดในการไปถึงตำแหน่งที่กำหนด พวกมันสามารถรวบรวมข่าวกรอง ติดตั้งทุ่นระเบิด หรือประจำการเพื่อซุ่มโจมตีเป้าหมายที่ “จุดหนุน” ทางภูมิศาสตร์ซึ่งกองกำลังติดอาวุธของศัตรูต้องผ่านไป พวกมันสามารถทำงานร่วมกับเรือดำน้ำที่มีคนขับ เป็นหน่วยสอดแนม หรือตัวล่อเพื่อดึงไฟและเปิดเผยตำแหน่งของฝ่ายตรงข้าม หากจำเป็นพวกมันสามารถโจมตีเป้าหมายที่มีมูลค่าสูงได้
ตามที่ South China Morning Post รายงาน นักวิจัยกล่าวว่า นักวิจัยของกองทัพจีนยังพัฒนาระบบสนับสนุน AI สำหรับผู้บัญชาการเรือดำน้ำ ระบบดังกล่าวจะช่วยให้กัปตันเรือสามารถตัดสินได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้นในสถานการณ์การสู้รบที่ร้อนระอุ เรือดำน้ำไร้คนขับประเภทใหม่จะเข้าร่วมกับระบบทหารอิสระหรือมีคนขับอื่น ๆ บนน้ำทางบกและวงโคจรเพื่อปฏิบัติภารกิจ
ตามรายงาน เรือดำน้ำไร้คนขับของจีนคาดว่าจะใช้งานในปี 2021 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 100 ปีของพรรคคอมมิวนิสต์จีนนั้น รายงานตั้งข้อสังเกตว่า “เรือดำน้ำไร้คนขับเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่กองกำลังของสหรัฐฯ โดยเฉพาะในน่านน้ำยุทธศาสตร์ เช่น ทะเลจีนใต้ และมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก”
Luo Yuesheng ศาสตราจารย์จาก College of Automation ใน Harbin Engineering University ซึ่งเป็นศูนย์กลางการพัฒนาที่สำคัญสำหรับเรือดำน้ำใหม่ของจีนได้กล่าวถึงหน่วยย่อย AI ว่า พวกมันจะทำให้กัปตันที่เป็นมนุษย์ของเรือลำอื่นตกอยู่ภายใต้แรงกดดันมหาศาลในการรบ หน่วยย่อย AI สามารถโจมตีเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์หรือเป้าหมายที่มีมูลค่าสูงเป็นพิเศษ มันสามารถทำการโจมตีแบบกามิกาเซ่ได้ด้วย Luo กล่าวโดยอ้างถึงการโจมตีฆ่าตัวตายของนักบินรบญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่สอง “AI ไม่มีจิตวิญญาณ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานประเภทนี้” Luo กล่าวต่อไป ไม่ใช่แค่ว่าหน่วยย่อย AI จะไม่มีความกลัว แต่พวกมันสามารถเรียนรู้จากการจมของเรือ AI อื่นๆ และปรับกลยุทธ์ของพวกมันอย่างต่อเนื่อง “เรือดำน้ำไร้คนขับ AI ที่ได้รับการฝึกฝนให้คุ้นเคยกับน่านน้ำที่เฉพาะเจาะจง จะเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัว” เขากล่าว
เรือดำน้ำ AI ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ภารกิจของเรือดำน้ำไร้คนขับในระยะแรกมีแนวโน้มที่จะจำกัดเฉพาะงานที่ค่อนข้างเรียบง่ายเท่านั้น Luo กล่าว “AI จะไม่แทนที่มนุษย์ สถานการณ์ใต้น้ำอาจมีความซับซ้อนมาก ผมไม่คิดว่าหุ่นยนต์จะเข้าใจหรือจัดการกับความท้าทายทั้งหมดได้” เขากล่าวเสริม
Coldplay – Princess Of China ft. Rihanna
ตอนนี้ยุคของเรือดำน้ำหุ่นยนต์และเรือผิวน้ำไร้คนขับใกล้จะมาถึงเราแล้ว สัญญาณที่ค่อนข้างชัดเจน กองทัพจีนได้เปิดเผยยานยนต์ใต้น้ำไร้คนขับขนาดใหญ่ “HSU-001” ต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกในการสวนสนามเพื่อฉลองครบรอบ 70 ปีของสาธารณรัฐประชาชนจีน (PRC) ที่กรุงปักกิ่ง
globalsecurity.org
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2019 สาธารณรัฐประชาชนจีนได้เฉลิมฉลองวันชาติจีนครบรอบ 70 ปีอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมด้วยขบวนพาเหรดอันหรูหราที่แสดงให้เห็นถึงอำนาจและพลังทางทหารที่กำลังเติบโต ในบรรดาขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง โดรนล่องหน อาวุธและเทคโนโลยีขั้นสูงอื่นๆ ที่จัดแสดงนั้น กองทัพจีนได้เปิดเผยยานยนต์ใต้น้ำไร้คนขับ (Unmanned Underwater Vehicles; UUV) ขนาดใหญ่รุ่นแรก “HSU-001” จำนวน 2 ลำบนรถบรรทุกในระหว่างการสวนสนามทางทหาร
ความคิดเห็นต่างๆ ที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสงครามใต้ทะเลและด้านอาวุธยุทโธปกรณ์พูดถึง HSU-001 ของจีนมีดังนี้
เมื่อพิจารณาจากภาพถ่าย เห็นได้ชัดว่า HSU-001 เป็นยานยนต์ใต้น้ำไร้คนขับขนาดใหญ่ (Large Displacement Unmanned Underwater Vehicles; LDUUV) อยู่ในระดับเดียวกับ LDUUV ของกองทัพเรือสหรัฐฯ “Snakehead” ที่ออกแบบมาสำหรับภารกิจต่างๆ เช่น การเตรียมข่าวกรองด้านสิ่งแวดล้อม (IPOE) และการทำสงครามต่อต้านเรือดำน้ำ (ASW) นี้บอกเป็นนัยว่า HSU-001 จะช่วยให้กองเรือจีนจับคู่กองยาน UUV ของสหรัฐฯ ในสงครามใต้ทะเลได้
ด้วยความยาวประมาณ 5 เมตร กว้างประมาณ 1.5 เมตร มีการอธิบายว่า HSU-001 มีขนาดไม่ใหญ่พอที่จะบรรทุกอาวุธ เช่น ตอร์ปิโดหรือทุ่นระเบิด และไม่มีแหล่งเก็บพลังงานที่เพียงพอสำหรับการขนส่งหลายพันไมล์ทะเล เหมือนอย่าง ORca XLUUV ยานยนต์ใต้น้ำไร้คนขับขนาดใหญ่พิเศษของกองทัพเรือสหรัฐฯ หนึ่งในคุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดของ HSU-001 คือ เสาเซ็นเซอร์สองตัวที่โดดเด่นมาก ซึ่งสามารถหดกลับเข้าไปในตัวเรือได้ นี่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก
เกี่ยวกับเสากระโดงหน้าซึ่งสูงน้อยกว่าแต่มีขนาดใหญ่กว่า มีการกล่าวกันว่ามี “ระบบตรวจจับแสงไฟฟ้าขั้นสูง” รวมทั้งกล้องถ่ายภาพใต้น้ำต่างๆ สำหรับการตรวจจับใต้น้ำ รายงานกล่าวว่าสิ่งเหล่านี้น่าจะได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยสืบราชการลับบนพื้นผิว ทางอากาศ และชายฝั่ง รวมถึงเป้าหมายใต้น้ำ ส่วนเสากระโดงหลังซึ่งสูงกว่าแต่บางกว่านั้น การประเมินจากผู้เชี่ยวชาญระบุว่าเป็นเสาสื่อสาร สิ่งนี้บ่งชี้ว่า HSU-001 มีความสามารถในการต่อสู้โดยเป็นส่วนหนึ่งของ “ฝูงหมาป่า (wolfpack)” ซึ่งเป็นยุทธวิธีการโจมตีแบบเป็นฝูงในการสงครามเรือดำน้ำ
ระบบขับเคลื่อนของ HSU-001 เป็นแบบเพลาคู่ พร้อมกับตัวปรับเสถียรภาพในแนวตั้งและแนวนอน บ่งชี้ว่าได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงความคล่องแคล่วในระดับสูง จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งาน เช่น การแทรกซึมของพอร์ต การรับมือกับทุ่นระเบิด และการแตะสายเคเบิล จมูกโป่งขนาดใหญ่ของมันน่าจะเป็นที่ตั้งของโซนาร์แบบพาสซีฟขั้นสูง (passive sonar array) เพื่อดัดฟังเรือดำน้ำของศัตรู ในขณะที่อุปกรณ์ที่ไม่ระบุชื่อบนโคลงแนวตั้งอาจบ่งบอกถึงอาร์เรย์ไฮโดรโฟน (hydrophone array) ที่ลากจูงตัวปล่อยเสียงสำหรับการล่อหรือการรบกวน หรือเครื่องตรวจจับความผิดปกติของแม่เหล็ก (magnetic anomaly detector; MAD) เพื่อตรวจจับการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในสนามแม่เหล็กโลกที่บ่งบอกถึงการมีเรือดำน้ำที่บรรจุคน
ยานยนต์ใต้ทะเลไร้คนขับขนาดใหญ่ของจีน HSU-001 ดูเหมือนจะเป็นแพลตฟอร์มที่ยืดหยุ่นซึ่งสามารถดำเนินการในหลายภารกิจได้ มันถูกออกแบบให้เหมาะสมสำหรับระบบข่าวกรอง การเฝ้าระวัง และการลาดตระเวน (ISR) ได้รับการปรับให้เหมาะสมสำหรับการทำสงครามกับทุ่นระเบิด สามารถตรวจจับและระบุวัตถุที่วางอยู่บนพื้นมหาสมุทรได้ และหากติดตั้งหัวรบ HSU-001 จะกลายเป็นทุ่นระเบิดแบบเคลื่อนที่ได้โดยอัตโนมัติ
ด้วยขนาดและความยืดหยุ่น HSU-001 จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับ “กำแพงใหญ่ใต้น้ำ (Great Underwater Wall)” ที่เสนอโดย China State Shipbuilding Corporation (CSSC) ในปี 2015 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้อง “ทะเลจีนใต้” จากการบุกรุกของเรือดำน้ำและติดตามการเคลื่อนไหวของเรือรบของกองทัพเรือสหรัฐฯ
หมายเหตุ: Great Underwater Wall คล้ายกับระบบเฝ้าระวังเสียง (SOSUS) ซึ่งเป็นเครือข่ายของอาร์เรย์ไฮโดรโฟน (hydrophone array) ใต้ทะเลที่สร้างขึ้นโดยสหรัฐอเมริกา เพื่อตรวจจับและตรวจสอบเรือดำน้ำของโซเวียตในช่วงสงครามเย็น
แต่ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีใหม่นี้จะมีประโยชน์ในเชิงกลยุทธ์สำหรับจีน แต่กองทัพจีนก็ยังไม่สามารถแซงหน้าเทคโนโลยีทางทหารของสหรัฐฯได้ ยานยนต์ใต้น้ำไร้คนขับ (UUV) ของอเมริกาและรัสเซียนั้นมีขนาดใหญ่กว่า HSU-001 ของจีนมาก ที่เป็นเช่นนั้นเพราะยานยนต์ใต้น้ำไร้คนขับขนาดใหญ่พิเศษ (Extra Large UUV; XLUUV) ของสหรัฐฯและรัสเซียจำเป็นต้องแล่นเรือเป็นระยะทางไกลเพื่อที่จะไปถึงเขตความขัดแย้ง และมีศักยภาพในการบรรทุกอาวุธยุทโธปกรณ์มากขึ้น
จากข้อมูลปี 2019 แสดงการเปรียบเทียบความแตกต่างของขนาดยานยนต์ใต้น้ำไร้คนขับ (UUV) ที่แต่ละชาติมหาอำนาจกำลังแข่งขันกันพัฒนา (reddit.com)